vivo เปิดตัว V25 Series 5G สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด

โดดเด่นด้วยดีไซน์ระดับพรีเมียม ชูฟีเจอร์เด็ดถ่ายภาพพอร์ตเทรตยามค่ำคืน เซลฟีสวยกับกล้องหน้า 50MP พร้อมอัปเกรด OIS Ultra-Sensing ให้ภาพเสถียรกว่าที่เคย

  • vivo ประกาศเปิดตัว vivo V25 Series 5G สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล V Series กับดีไซน์เรียบหรู
  • สัมผัสประสบการณ์ภาพถ่ายคมชัดด้วยกล้องหลัก 64MP ที่มาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่น OIS Ultra-Sensing
  • ตอกย้ำผู้นำด้านนวัตกรรมสมาร์ตโฟนสำหรับสายเซลฟีด้วยกล้องหน้า 50MP รองรับ Super Night Portrait
  • เทคโนโลยี Extended RAM ขยายได้สูงสุดถึง 8GB ใช้งานยาวนานด้วยแบตเตอรี่ 4500mAh + ชาร์จไว 44W
  • ดีไซน์กล้องแบบใหม่ พร้อมกับเทคโนโลยี Color-changing บนสองสีใหม่ Sunrise Gold และ Surfing Blue

กรุงเทพฯ 26 สิงหาคม 2565 – vivo แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก ประกาศเปิดตัว vivo V25 Series 5G สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดจากตระกูล V Series อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มอบประสบการณ์การถ่ายภาพพอร์ตเทรตยามค่ำคืนด้วยกล้องหลักความละเอียด 64MP พร้อมระบบกันสั่นไหว OIS Ultra-Sensing ที่อัปเกรดให้ฉลาดยิ่งขึ้น และกล้องหน้าความละเอียด 50MP รองรับฟีเจอร์ Eye Autofocus และ Super Night Portrait ช่วยให้ภาพถ่ายบุคคลยามค่ำคืนสวยงาม คมชัดยิ่งขึ้น จัดเต็มกับประสิทธิภาพการทำงานด้วยเทคโนโลยี Extended RAM ที่สามารถขยาย RAM ได้สูงสุดถึง 8GB มอบประสบการณ์การใช้งานที่ไหลลื่นกว่าที่เคย รวมถึงการดีไซน์ตัวเครื่องระดับพรีเมียม พร้อมกับฝาหลังแบบกระจกที่มีเทคโนโลยี Color-changing Glass ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ โดยสีของฝาหลังจะทำปฏิกิริยากับแสงแดดและแหล่งกำเนิดรังสี UV อื่นๆ แล้วจึงเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ[1] ทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ ดูโดดเด่นและมีสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ทั้งในรุ่น V25 5G และ V25 Pro 5G

อัดแน่นด้วยฟีเจอร์กล้องคุณภาพ ถูกใจสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์

vivo V25 5G มาพร้อมกับกล้องหน้าความละเอียด 50MP[2] ในขณะที่ vivo V25 Pro 5G กล้องหน้ามีความละเอียดที่ 32MP รองรับฟีเจอร์ Eye Autofocus และ Human eye tracking สามารถจับโฟกัสสายตาได้อย่างแม่นยำ พร้อมเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มความคมชัดให้กับภาพเซลฟี ซึ่งสามารถตอบโจทย์การถ่ายคอนเทนต์ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอได้อย่างสมบูรณ์แบบ

โดยกล้องหลังของทั้งสองรุ่นมีความละเอียดสูงถึง64MP[3] เก็บภาพครบทุกองค์ประกอบด้วยเลนส์ถ่ายภาพมุมกว้าง Wide Angle ความละเอียด 8MP พร้อมเลนส์ถ่ายภาพระยะใกล้ Macro ความละเอียด 2MP สมาร์ตโฟนรุ่นนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีกันสั่นไหว OIS Ultra-Sensing ที่ได้รับการอัปเกรดขึ้นใหม่ ผสานการทำงานร่วมกับอีกหนึ่งเทคโนโลยีกันสั่น EIS จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์การถ่ายภาพและวิดีโอ
ได้อย่างเสถียรและนิ่งมากขึ้นแม้อยู่ระหว่างการเคลื่อนไหว ถ่ายวิดีโอความคมชัดระดับ 4K ด้วยกล้องหน้าหรือกล้องหลังแบบมืออาชีพ พร้อมด้วยโหมด Video Face Beauty เก็บรายละเอียดของภาพได้สมบูรณ์แบบ ในขณะที่กล้องหลักของ V25 Series 5G มาพร้อมโหมด Night Portrait ทำให้การถ่ายภาพ ยามค่ำคืนคมชัดยิ่งขึ้นด้วยโหมด HDR และปรับค่าความสว่างของภาพพอร์ตเทรตให้สวยโดดเด่นอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ผู้ใช้งานยังสามารถเก็บทุกโมเมนต์ประทับใจด้วยฟีเจอร์กล้องที่มีให้เลือกใช้งานหลากหลาย เช่น Natural Portrait ช่วยปรับแสงของภาพบุคคลให้มีความงดงามอย่างเป็นธรรมชาติในทุกๆ สภาพแสง และ Multi-Style Portrait ถ่ายบุคคลหลากหลายสไตล์ซึ่งเป็นการนำฟิลเตอร์ต่างๆ มารวมเข้าด้วยกัน ให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้ตามใจชอบ รวมถึงฟังก์ชันใหม่ที่เป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำคอนเทนต์วิดีโออย่าง Vlog Movie ที่ช่วยให้คุณภาพของวิดีโอออกมาสมบูรณ์แบบอย่างน่าประทับใจ เพื่อให้ผู้ใช้งานเพลิดเพลินไปกับการบันทึกช่วงเวลาอันมีค่าและค้นพบสุนทรียภาพใหม่ๆ ด้านการถ่ายวิดีโอ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ Dual-View Video สามารถถ่ายวิดีโอทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังได้พร้อมกันอย่างไม่มีสะดุดในมุมมองที่หลากหลาย พร้อมยังมีโหมด Double Exposure หรือการซ้อนภาพ รวมภาพถ่ายหลายภาพให้เป็นภาพเดียวได้ เพื่อสร้างสรรค์ภาพที่เป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นตัวเองไม่ซ้ำใคร

เต็มที่กับขุมพลังและอัดแน่นด้วยประสิทธิภาพระดับเรือธง

vivo V25 Series 5G อัดแน่นด้วยขุมพลัง การเชื่อมต่อ และความรวดเร็ว สามารถตอบสนองผู้ใช้งานสมาร์ตโฟนที่ต้องการประสิทธิภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมครอบคลุมทุกด้าน vivo V25 5G ขับเคลื่อนด้วยขุมพลังชิปเซต MediaTek Dimensity 900 ในขณะที่รุ่น V25 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วย MediaTek Dimensity 1300 ซึ่งใช้เทคโนโลยี 6nm ชั้นนำทั้งสองชุด อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายสัญญาณ 5G แบบ Dual Mode[4] ให้ความเร็วการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตราบรื่นแบบไม่มีสะดุด และด้วยเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน 5G UltraSave ช่วยให้ใช้งานได้อย่างราบรื่นยาวนานกว่ารุ่นก่อนหน้า อีกทั้ง V25 Pro 5G ยังมาพร้อมกับ LPDDR4X plus UFS 3.1 ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มขนาดความจุในการจัดเก็บข้อมูลภายในตัวเครื่องมากยิ่งขึ้น ด้วยประสิทธิภาพ CPU ขนาดใหญ่ 3.0 GHz บน Funtouch OS12 รองรับ Game Boost และระบบเสียง Immerse รวมถึง Liquid Cooling System มอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยมในการเล่นเกมหรือทำคอนเทนต์ต่างๆ การันตีด้วย Hi-Res Certification รับรองคุณภาพเสียงความละเอียดสูงทุกการใช้งาน

vivo V25 5G มาพร้อมกับ RAM 8GB[5] ผนวกกับเทคโนโลยี Extended RAM เพิ่มพื้นที่ให้มากขึ้นสูงสุด 8GB สามารถใช้แอปพลิเคชันพร้อมกันได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุดและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถเลือก ROM ได้ที่ 128GB หรือ ROM 256GB เก็บข้อมูลได้อย่างจุใจ อีกทั้งยังสามารถขยายความจุได้สูงสุดถึงอีก 1TB[6] ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ควบคู่กับ FlashCharge 44W[7] ทำให้สามารถชาร์จถึง 61% ได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที หรือชาร์จเต็มในเวลาเพียง 63 นาที[8] ให้ผู้ใช้งานได้เต็มที่กับกิจกรรมยาวนานตลอดทั้งวัน

ในขณะที่รุ่น V25 Pro 5G มาพร้อมกับ RAM 12GB[9] และ ROM 256GB และยังมาพร้อมเทคโนโลยี Extended RAM 3.0 รองรับหน่วยความจำขยายสูงสุดได้ถึง 8GB ช่วยให้สามารถใช้หน่วยความจำที่เพิ่มเข้ามาได้ทุกเวลาที่จำเป็น ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่เน้นงานกราฟิก หรือสลับการใช้งานไปมาระหว่างหลายแอปพลิเคชันได้ลื่นไหลได้ทุกที่ทุกเวลา มาพร้อมแบตเตอรี่ 4830mAh รองรับ FlashCharge 66W[10] สามารถใช้งานได้ตลอดทั้งวันอย่างไม่ต้องกังวล

ดีไซน์เรียบหรู โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์ของ vivo

ตัวกล้อง vivo V25 Series 5G ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยเน้นความมินิมอลมีการจัดเรียงในระนาบเดียวกันอย่างสม่ำเสมอ แม้จะดูเรียบง่ายแต่กลับดูมีมิติ และสง่างามในเวลาเดียวกัน พร้อมกับฟีเจอร์ Color Changing Glass สีของฝาหลังจะทำปฏิกิริยากับแสงแดดและแหล่งกำเนิดรังสี UV อื่นๆ สามารถเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ภายในเครื่องเดียว ทำให้ดูมีเอกลักษณ์และมีสไตล์โดดเด่นที่ไม่เหมือนใคร

โดยvivo V25 5G โดดเด่นด้วยตัวเครื่องบางและเบา พร้อมหน้าจอโค้ง 2.5D ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันในสไตล์สุดคลาสสิก ตัวเครื่องเป็นทรงเหลี่ยมแบบมีระดับสัมผัสรับกับฝ่ามือ ประกอบเข้ากับหน้าจอ OLED ขนาด 6.44 นิ้ว[11] พร้อมอัตราการรีเฟรช 90Hz อัตราการสุ่มตัวอย่างแบบสัมผัส 180Hz เพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด รองรับการแสดงผล HDR10+ ให้ภาพสีสันสดใส คมชัดสมจริง มาพร้อมกับ 2 สีใหม่ Sunrise Gold สีทองที่ได้รับแรงบันดาลใจจากช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น มาพร้อมเทคโนโลยีเฉพาะของ vivo อย่าง Color-Changing Glass ทำให้ฝาหลังสามารถเปลี่ยนสีได้เมื่อโดนแสงยูวี และ สีดำ Diamond Black ที่เปรียบเสมือนประกายระยิบระยับราวกับเพชรสีดำ

ขณะที่ vivo V25 Pro 5G ได้รับการออกแบบด้วยสไตล์เรียบหรู ระดับพรีเมียม พร้อมหน้าจอ 3D ประกอบเข้ากับหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว รองรับอัตรารีเฟรชสูงถึง 120Hz สามารถรีเฟรชได้สูงสุดถึง 300Hz สามารถใช้งานหน้าจอได้อย่างเพลิดเพลิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวบริเวณด้านหลังตัวเครื่องยังใช้เทคโนโลยี Fluorite AG Glass ที่ให้ความรู้สึกนุ่มนวลเวลาสัมผัส มีให้เลือก 2 สีใหม่ ได้แก่ Starlight Black ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากดวงดาวระยิบระยับนับล้านดวงที่ปกคลุมท้องฟ้า เพิ่มความลึกลับและเสน่ห์ในค่ำคืนอันเงียบสงบ ส่วนสี Surfing Blue ได้แรงบันดาลใจจากท้องทะเลสีคราม และสายลมที่สดชื่นราวกับเล่นกระดานโต้คลื่นไปตามชายหาด พร้อมเทคโนโลยี Color-Changing Glass ที่เป็นเอกลักษณ์ของ vivo

vivo V25 Series 5G เป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ชื่นชอบการถ่ายทำคอนเทนต์หรือการถ่าย vlog ที่กำลังมองหาสมาร์ตโฟนราคาจับต้องได้ ดีไซน์เรียบหรูผสมผสานกับความมินิมอล อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำระดับแฟลกชิป มอบประสบการณ์ถ่ายภาพพอร์ตเทรตหรือถ่ายวิดีโอไปอีกระดับ

vivo V25 Series 5G เปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีให้เลือกทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ V25 5G กับสองสีใหม่ Sunrise Gold และ Diamond Black จำหน่ายที่ราคา 13,999 บาท (รุ่น 8GB + 128GB) และราคา 14,999 บาท (รุ่น 8GB + 256GB) รวมทั้ง V25 Pro 5G มากับสีใหม่สองตัวเลือก คือ Starlight Black และ Surfing Blue ที่ราคา 19,999 บาท จำหน่ายเฉพาะรุ่น 12GB + 256GB ในช่วงเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

พิเศษสำหรับ vivo fans สายสตรีต! เตรียมเป็นเจ้าของ vivo V25 Series 5G รุ่นพิเศษที่ทาง vivo ร่วมมือกับ CARNIVAL แบรนด์สตรีตแฟชันชั้นนำของไทย ออกคอลเลกชันพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น กล่องรองเท้าสนีกเกอร์ กระบอกน้ำเก็บอุณหภูมิสุดฮิต กระเป๋าใส่โทรศัพท์มือถือ และพวกกุญแจลาย CARNIVAL พิเศษเพียง 100 เซ็ตเท่านั้น! ใครสนใจอยากเป็นเจ้าของ รอติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก vivo Thailand

#V25Series5GLaunch #พอร์ตเทรตทุกคืนพิเศษของคุณ


[1] โดยคุณสมบัติการเปลี่ยนสีด้านหลังตัวเครื่อง รองรับในเฉพาะ V25 5G สี Sunrise Gold และรุ่น V25 Pro 5G สี Surfing Blue เท่านั้น

[2] กล้องหน้า 50MP จะแสดงผลภาพความละเอียด 50MP เมื่อถ่ายในโหมด “ถ่ายภาพความละเอียดสูง” และเนื่องจากการใช้โหมดถ่ายภาพที่ต่างกัน คุณภาพความละเอียดของภาพถ่ายที่ได้จะมีความต่างกัน

[3] กล้องหลัง 64MP พร้อม OIS Ultra-Sensing จะแสดงผลภาพความละเอียด 64MP เมื่อถ่ายในโหมด “ถ่ายภาพความละเอียดสูง” และเนื่องจากการใช้โหมดถ่ายภาพที่ต่างกัน คุณภาพความละเอียดของภาพถ่ายที่ได้จะมีความต่างกัน

[4] รองรับเครือข่าย SA และ NSA 5G การใช้งาน SA ขึ้นอยู่กับเครือข่ายและซอฟต์แวร์ที่มี โหมดเครือข่าย 5G และการครอบคลุมขึ้นอยู่กับการปรับใช้เครือข่ายของผู้ให้บริการในพื้นที่

[5] RAM ที่มีอยู่จริงนั้นน้อยกว่า 8GB เนื่องจากพื้นที่จัดเก็บของระบบปฏิบัติการและแอพที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า

[6] ผู้ใช้งานต้องซื้อ SD การ์ดหน่วยความจำเพิ่มเติมด้วยตัวเอง

[7] V25 มาพร้อมกับที่ชาร์จมาตรฐานของ vivo (อะแดปเตอร์ 11V/4A) ซึ่งรองรับการชาร์จไวสูงสุด 44W ผลลัพธ์ที่ได้อาจแตกต่างเล็กน้อยตามสภาพแวดล้อมการใช้งาน โปรดดูที่การใช้งานจริง

[8] ข้อมูลการชาร์จอ้างอิงจากการทดสอบในห้องปฏิบัติการของ vivo ภายใต้สภาพแวดล้อมการทดสอบที่อุณหภูมิห้องและอุณหภูมิโทรศัพท์ 25℃ ± 1℃ โดยชาร์จเมื่อระดับแบตเตอรี่อยู่ที่ 1% ปิดหน้าจอ เปิดโหมดเครื่องบิน และใช้หัวชาร์จและสาย USB ของ vivo ความเร็วในการชาร์จจริงอาจแตกต่าง ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและปัจจัยอื่น ๆ

[9] RAM ที่มีอยู่จริงนั้นน้อยกว่า 12 GB เนื่องจากพื้นที่จัดเก็บของระบบปฏิบัติการและแอพที่ติดตั้งไว้ล่วงหน้า

[10] V25 Pro เมื่อใช้งานคู่กับอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐานของ vivo สามารถรองรับกำลังการชาร์จสูงสุด 66W กำลังชาร์จจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ โปรดอ้างอิงจากการใช้งานจริง

[11] ขนาดหน้าจอวัดตามเส้นทแยงมุมจนสุดมุมฉาก 6.44 นิ้ว พื้นที่หน้าจอที่ปรากฏจริงอาจมีขนาดต่างกว่าเล็กน้อย