เปิดตัว Samsung Galaxy S20 สมาร์ทโฟนเรือธงตัวแรงประจำปี 2020
ซัมซุง เปิดตัว ‘กาแลคซี่ เอส 20’ สุดยอดสมาร์ทโฟน ที่จะเปิดมุมมองและสร้างประสบการณ์การสื่อสารแห่งทศวรรษใหม่ครั้งแรกกับซีรีส์สมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่ทุกรุ่นมาพร้อมเทคโนโลยี 5G กับสุดยอดเทคโนโลยีกล้องวิดีโอที่ดีที่สุดของซัมซุง
ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา (11 กุมภาพันธ์ 2563) – ซัมซุง เปิดตัว กาแลคซี่ เอส 20 (Galaxy S20) สุดยอดสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่จะมาฉีกทุกกฎของการถ่ายภาพและวิดีโอแบบเดิมๆ ด้วยเทคโนโลยีกล้องวิดีโอที่ดีที่สุดที่เคยมีมาของสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่ง่ายและดียิ่งขึ้น จากความบันเทิงหลากหลายรูปแบบที่อัดแน่นมาเพื่อให้ผู้ใช้งานได้เพลิดเพลินกับเพลง วิดีโอ และเกมได้ในทุกช่วงเวลาของวัน ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของมิลเลนเนียล
“ในทศวรรษใหม่นี้ เทคโนโลยี 5G จะมาพลิกโฉมการสื่อสารและเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับผู้คนบนโลก การที่ซัมซุงเปิดตัว กาแลคซี่ เอส 20 ทั้ง 3 รุ่น ซึ่งรองรับเทคโนโลยี 5G พร้อมกับฟีเจอร์ใหม่จากกล้องอัจฉริยะในครั้งนี้ จึงนับเป็นการส่งมอบนวัตกรรมใหม่ที่จะมาปฏิวัติการใช้ชีวิตของผู้คน ทำให้คุณสามารถเก็บบันทึกทุกความประทับใจที่เกิดขึ้นโดยไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญ พร้อมให้คุณได้เชื่อมต่อกับคนที่รักได้อย่างราบรื่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม” ดร. ทีเอ็ม โรห์ ประธานและหัวหน้ากลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าว
ออกแบบอนาคตของการสื่อสาร
การมาถึงของเทคโนโลยี 5G ถือเป็นการเริ่มต้นทศวรรษใหม่ของนวัตกรรมสมาร์ทโฟน และเพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงการสื่อสารยุคใหม่ ซัมซุง กาแลคซี่ เอส 20 ใหม่ ทุกรุ่น ทั้งกาแลคซี่ เอส 20, กาแลคซี่ เอส 20 พลัส และกาแลคซี่ เอส 20 อัลตร้า จึงมาพร้อมเทคโนโลยี 5G ล่าสุด ที่สามารถทำงานร่วมกับเครือข่าย 5G ได้ทั้งประเภท non-standalone และ standalone พร้อมรองรับเครือข่าย sub-6 โดย กาแลคซี่ เอส 20 พลัส และกาแลคซี่ เอส 20 อัลตร้า ยังนับเป็นอุปกรณ์รุ่นแรกที่รองรับเครือข่ายสัญญาณทั้ง sub-6 และ mmWave อีกด้วย
พลิกทุกกฎเกณฑ์ของการถ่ายภาพและวิดีโอด้วยกาแลคซี่ เอส 20 ซีรีส์
จากเทรนด์ของคนในปัจจุบันที่นิยมถ่ายภาพและวิดีโอเพื่อบอกเล่าเรื่องราวของตนเองผ่านสมาร์ทโฟน ทำให้ ‘กล้อง’ กลายเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดที่ผู้บริโภคใช้เป็นปัจจัยในการตัดสินใจเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ ซึ่ง
กาแลคซี่ เอส 20 ได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตของผู้ใช้งาน ด้วยการนำเสนอระบบกล้องใหม่ล่าสุด ที่ทำงานด้วย AI อันทรงพลังและเซ็นเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ที่สุดของซัมซุง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถบันทึกทุกโมเมนต์สำคัญได้อย่างดีที่สุด
- ที่สุดของความคมชัดในทุกรายละเอียด: ด้วยเซนเซอร์รับภาพขนาดใหญ่ของกาแลคซี่ เอส 20 ซีรีส์ ทำให้ภาพมีความละเอียดเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยมีความละเอียด 64 ล้านพิกเซลในกาแลคซี่ เอส 20 และ
กาแลคซี่ เอส 20 พลัส และสูงถึง 108 ล้านพิกเซล ในกาแลคซี่ เอส 20 อัลตร้า ซึ่งทำให้ภาพถ่ายคุณภาพสูง คมชัดแม้ต้องซูม, ครอป และแก้ไขภาพ พร้อมกันนี้ จากการรับแสงที่มากขึ้นผ่านเซนเซอร์
ขนาดใหญ่ และความก้าวล้ำไปอีกขั้นของกาแลคซี่ เอส 20 อัลตร้า ที่มีความสามารถในการสลับสับเปลี่ยนระหว่างโหมดความละเอียดสูง 108 ล้านพิกเซล กับโหมด 12 ล้านพิกเซล ผ่านเทคโนโลยี
Nona-binning ที่สามารถรวมพิกเซลเก้าเม็ดเป็นหนึ่งเดียวที่ระดับเซ็นเซอร์ จึงทำให้ผู้ใช้ได้สัมผัสกับภาพที่มีคุณภาพสูงขึ้นแม้ในสภาพแสงน้อยก็ตาม - พลังซูมเหนือระดับ: ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลแค่ไหน ด้วยพลังของเทคโนโลยีสเปซ ซูม (Space Zoom) ที่เป็นการทำงานร่วมกันของ Hybrid Optic Zoom, Super Resolution Zoom และ AII-powered digital Zoom จึงทำให้กาแลคซี่ เอส 20 สามารถซูมภาพทุกสิ่งที่ต้องการให้เข้ามาใกล้อย่างง่ายดาย ด้วยความสามารถในการซูมถึง 30 เท่าในกาแลคซี่ เอส 20 และกาแลคซี่ เอส 20 พลัส หรือก้าวล้ำไปอีกขั้นกับกาแลคซี่ เอส 20 อัลตร้า ซึ่งใช้ AI อันทรงพลังและการประมวลผลภาพหลายภาพเข้าด้วยกันในขณะซูมไกล เพื่อให้ผู้ใช้ได้ซูมภาพขั้นสูงสุดถึง 100 เท่า พร้อมสัมผัสกับภาพอันคมชัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
- หนึ่งการบันทึกภาพกับความเป็นไปได้ไม่รู้จบ: โหมดถ่ายภาพอัจฉริยะ Single Take ให้ผู้ใช้งานได้ทั้งภาพถ่ายและวิดีโอในรูปแบบที่หลากหลายมากสูงสุด14 แบบ ผ่านการกดบันทึกในช็อตเดียว ไม่ว่าจะเป็นแบบ Live Focus, Cropped, Ultra Wide กว้างถึง 120 องศา โดยผ่านเทคโนโลยีกล้อง AI เพื่อให้ไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญที่เกิดขึ้น
- วีดีโอคมชัด ประสบการณ์เสมือนอยู่ในโรงภาพยนต์: กาแลคซี่ เอส 20 สามารถถ่ายวิดีโอด้วยความคมชัดระดับ 8K เพื่อให้ผู้ใช้ได้บันทึกโลกที่พวกเขามองเห็นด้วยสีและคุณภาพที่สมจริงที่สุด พร้อมสตรีมวิดีโอดังกล่าวไปยังทีวีซัมซุง QLED 8K เพื่อเพลิดเพลินกับประสบการณ์การรับชมภาพที่ดีที่สุด[1] รวมถึงบันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 8K ดังกล่าวในรูปแบบภาพความละเอียดสูงได้ทันที ทั้งนี้ ด้วยระบบ Super Steady ที่ป้องกันการสั่น รวมถึงการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวด้วย AI จึงทำให้ภาพวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวสูงดูนิ่งและนุ่มนวลเสมือนถ่ายโดยใช้อุปกรณ์กันสั่น Gimbal
ทำสิ่งที่รักได้ดียิ่งขึ้นด้วย กาแลคซี่ เอส 20
ซัมซุง กาแลคซี่ ได้ทำให้ประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนง่ายและดีขึ้น ด้วยฟีเจอร์ใหม่และการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์สำคัญหลายราย ทำให้กาแลคซี่ เอส 20 ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของคนในปัจจุบันได้อย่างแท้จริง
- เพลิดเพลินกับเพลงโปรดเฉพาะตัว: ด้วยความร่วมมือระหว่าง Spotify และ Bixby Routines ผู้ใช้จะได้เพลิดเพลินกับซาวด์แทร็กส่วนตัว (personalized soundtrack) ที่ปรับเปลี่ยนตามกิจวัตรประจำวันของตนเอง นอกจากนี้ ด้วยฟีเจอร์ Music Share ผู้ใช้ยังสามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนของเพื่อนของคุณผ่านเทคโนโลยี Bluetooth และสามารถควบคุม เปิด เปลี่ยนเพลงไปยังเครื่องเสียงรถยนต์หรือลำโพง ทำให้ผู้ใช้และเพื่อนได้สนุกกับการผลัดเปลี่ยนกันเป็นดีเจได้อย่างสนุกสนานตลอดการเดินทาง[2]
- วิดีโอแชทผ่าน Google Duo: ผู้ใช้ กาแลคซี่ เอส 20 สามารถวิดีโอแชทได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น และด้วยเทคโนโลยี 5G กาแลคซี่ เอส 20 จะช่วยยกระดับการสนทนาทางวิดีโอขึ้นไปอีกขั้น จากการทำงานร่วมกับ Google Duo ซึ่งนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ผู้ใช้จะได้สัมผัสกับฟีเจอร์ Duo ใหม่ในกาแลคซี่ เอส 20 และสามารถเพลิดเพลินกับภาพที่คมชัดระดับ Full HD[3] ได้ตั้งแต่เริ่มต้นกดปุ่ม Duo เพื่อใช้งานวิดีโอแชท ซึ่ง Google Duo สามารถทำงานร่วมกันได้กับทุกระบบปฏิบัติการ ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถสนทนาผ่านวิดีโอได้กับทุกคนอย่างไม่มีข้อจำกัด และเมื่อใช้เลนส์ไวด์ (Wide lens) ผู้ใช้จะสามารถพูดคุยกับเพื่อนได้พร้อมกันสูงสุดถึง 8 คน
- ประสบการณ์ใหม่กับ YouTube บนเทคโนโลยี 5G: ซัมซุง ได้ร่วมมือกับ YouTube เพื่อให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดวิดีโอ 8K ไปยัง YouTube ได้โดยตรง ด้วยประสิทธิภาพของเทคโนโลยี 5G ผู้ใช้จะได้สัมผัสประสบการณ์การอัปโหลดที่รวดเร็วที่สุด[4]
- อีกก้าวสำคัญของความบันเทิง: Netflix และซัมซุง ได้ร่วมมือกับผู้กำกับภาพยนตร์แถวหน้าเพื่อสร้างสรรค์คอนเทนท์พิเศษจาก Netflix Originals เรื่องดัง ผ่านมุมมองกล้องระดับมือโปรของกาแลคซี่ เอส 20 ให้แก่ผู้ใช้งานซัมซุงโดยเฉพาะ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถค้นหาและเข้าถึงคอนเทนท์เรื่องโปรดผ่านอุปกรณ์กาแลคซี่ ได้ง่ายขึ้นผ่าน Samsung Daily, Bixby[5] และ Finder
- ประสบการณ์เกมมิ่งทรงพลัง: กาแลคซี่ เอส 20 ยกระดับการเล่นเกมผ่านสมาร์ทโฟนขึ้นไปอีกขั้น ด้วยจอแสดงผล 120Hz ที่ทำให้ผู้ใช้เล่นเกมได้อย่างราบรื่นไม่มีสะดุด ซึ่งในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ซัมซุงได้ร่วมมือกับไมโครซอฟท์ เพื่อเปิดตัวเกม Forza Street บนกาแลคซี่ สโตร์ (Galaxy Store) ซึ่งเป็นการนำเกมนี้มาเล่นบนสมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก และด้วยหน่วยประมวลผลอันรวดเร็ว และหน่วยความจำ (RAM) ขนาด 12 กิกะไบต์[6] การปรับแต่งเสียงโดย AKG และเกมบูสเตอร์ เข้าด้วยกัน จึงทำให้ กาแลคซี่ เอส 20 มอบประสบการณ์การเล่นเกมอย่างไม่เคยมีมาก่อน
สัมผัสประสบการณ์แห่งความเป็นไปได้ที่ไม่สิ้นสุด
ในฐานะสมาร์ทโฟนแฟลกชิปรุ่นล่าสุดจากซัมซุง กาแลคซี่ เอส 20 ซีรีส์ จึงอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีระดับพรีเมี่ยมที่ทุกคนรอคอย ซึ่งสมาร์ทโฟนซีรีส์นี้ คืออุปกรณ์ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุด จากการปกป้องด้วย น็อกซ์ (Knox) แพลตฟอร์มความปลอดภัยสมาร์ทโฟนชั้นนำของอุตสาหกรรม ที่ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ระดับชิปจนถึงซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ กาแลคซี่ เอส 20 ยังมาพร้อมกับหน่วยประมวลผลความปลอดภัยที่ป้องกันการโจมตีระดับฮาร์ดแวร์อีกด้วย
กาแลคซี่ เอส 20 ซีรีส์ มาพร้อมแบตเตอรี่อัจฉริยะความจุสูง และที่ชาร์จ 25W โดยรุ่น กาแลคซี่ เอส 20 อัลตร้า ยังสามารถรองรับระบบชาร์จเร็ว Super Fast Charge 45W ทุกรุ่นมาพร้อมพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดมาตรฐาน (128GB สำหรับ กาแลคซี่ เอส 20, 128GB 256GB และ 512GB สำหรับ กาแลคซี่ เอส 20 พลัส และเอส 20 อัลตร้า)[7]
ทั้งนี้ กาแลคซี่ เอส 20 ยังมาพร้อมกับ One UI 2 ซึ่งนำเสนอการออกแบบที่กระชับเรียบง่าย โดยผู้ใช้สามารถใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นนี้เพื่อควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะภายในบ้านผ่านแอปพลิเคชั่น SmartThings ติดตามกิจกรรมด้านสุขภาพผ่าน Samsung Health รวมถึงชำระค่าบริการต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ผ่าน Samsung Pay
กาแลคซี่ บัดส์ พลัส (GALAXY BUDS+)
กาแลคซี่ บัดส์ พลัส จะทำให้ผู้ใช้ได้ดื่มด่ำกับเพลงและพอดแคสต์ที่ชื่นชอบได้อย่างเต็มอิ่ม ด้วยระบบเสียงจาก AKG โดยหูฟังไร้สาย กาแลคซี่ บัดส์ พลัส มีลำโพง 2 ทิศทาง และไมโครโฟน 3 ตัวเพื่อให้ได้คุณภาพทั้งเสียงเพลงและเสียงพูดที่คมชัด พร้อมทั้งแบตเตอรี่ขนาดเล็กประสิทธิภาพสูงที่ทำงานได้อย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 11 ชั่วโมง และใช้งานได้เพิ่มเติมอีก 11 ชั่วโมง[8] หลังนำไปชาร์จในเคส ซึ่งด้วยแอปพลิเคชัน ‘Galaxy Buds+’ ที่มอบการเชื่อมต่อหูฟังกับระบบปฏิบัติการ iOS จึงทำให้ผู้ใช้สามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์เสียงที่ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใด[9] นอกจากนี้ จากการร่วมเป็นพันธมิตรกับ Spotify ผู้ใช้จะได้ฟังเพลงและพอดคาสต์ได้ง่ายขึ้นจากการกดปุ่มเพียง
ครั้งเดียว[10]